สำหรับทุกคนที่กำลังจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น โซฟา, เก้าอี้พักผ่อน หรือแม้กระทั้ง เตียงนอนมีลิ้นชัก คำถามที่คุณต้องเจอก็คือ เราจะใช้วัสดุหุ้มเฟอร์นิเจอร์ เป็นอะไรดี? เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้ปัจจุบันเรามีวัสดุหุ้มสำหรับงานโซฟาหลายอย่างมาก ทั้งหนังแท้ หนังสังเคราะห์ หนังเทียมและผ้า
โดยบทความนี้ ทางร้าน Smartplussofa.com เขียนเพื่อให้ความรู้สำหรับคนที่เลือกใช้โซฟาหนังเทียม เพราะหนังเทียมมีหลายชนิดชื่อเองก็คล้ายๆ กัน เช่น หนังพีวีซี (หนัง PVC) หนังพียู (หนัง PU)
โดยหนังเทียมแต่ละชนิดนั้นมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป เพราะผู้ผลิตตั้งใจผลิตหนังเทียมให้ออกมาหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า คำว่าดีที่สุดของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน เราจึงอยากให้ลูกค้าลองศึกษา ข้อดี-ข้อเสีย ของโซฟาหนังเทียมพียูกันก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อเลือกหนังเทียมที่เหมาะสมกับการใช้งานของลูกค้ามากที่สุด
หนังเทียม คือ วัสดุที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ทดแทนหนังแท้ เนื่องจากข้อจำกัดของหนังแท้ที่มีราคาสูง รวมถึงกระบวนการผลิตจำเป็นต้องใช้หนังของสิ่งมีชีวิต เราจึงมีการพัฒนาหนังเทียมขึ้นมาทดแทนการใช้งาน โดยหนังเทียมสามารถนำไปผลิตสินค้าเครื่องใช้ได้หลายประเภท เช่น กระเป๋า รองเท้า โซฟา ปกสมุด เบาะรถยนต์ เป็นต้น
ดังนั้น หนังเทียมจึงมีหลายชนิดหลายความหนา เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละแบบ โดยเราจะมุ่งเน้นเฉพาะหนังเทียมที่ใช้สำหรับงานโซฟาจะแตกต่างกันอย่างไร? แล้วมีวิธีดูหนังพียูหนังสังเคราะห์ยังไง? มาดูกันเลย
หนังเทียมสำหรับงานโซฟา แบ่งเป็นชนิดใหญ่ได้ 3 ชนิด
- หนังเทียมชนิด PVC เป็นหนังเทียมที่มีความนิยมการใช้มากที่สุด
- หนังเทียมชนิด PU เป็นหนังเทียมที่มีความเหมือนกับหนังแท้มากที่สุด
- หนังเทียมชนิดผสม Semi-PU เป็นหนังเทียมที่เกิดจากการผสมของ PVC และ PU
บทความที่คุณอาจสนใจ : 8 ข้อดี-ข้อเสีย ของโซฟาหนังเทียม PVC ที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ
ทำความรู้จักกับหนังพียูกันก่อน
หนังเทียม ชนิดหนังพียู นั้นย่อมาจาก Polyurethane เป็นหนังที่ถูกผลิตขึ้นโดยกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ โดยในการผลิตมีชนิดแยกย่อยตามกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้หนังเทียมพียูไปใช้ในลักษณะงานที่แตกต่างกัน อีก 3 ประเภท คือ
- หนังเทียม ประเภท Polycarbonate based PU อายุใช้งานได้นานถึง 20 ปี และมีความทนต่อกรดด่างสูง
- หนังเทียม ประเภท Polyether based PU อายุใช้งานได้นานถึง 7 ปี และมีความทนต่อกรดด่างสูง
- หนังเทียม ประเภท Polyesther based PU อายุใช้งานได้นานถึง 3-5 ปี และมีความทนต่อกรดด่างพอสมควร ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดและเป็นชนิดที่ใช้สำหรับงานโซฟา
จุดเด่นในกระบวนการผลิต หนังเทียมพียู คือ กระบวนการผลิตสะอาดไม่ใช้สารเคมีพลาสติกไร้สารมลพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์ และมีเมื่อหมดอายุการใช้งานหนังจะเสื่อมสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ในต่างประเทศจึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก แม้ว่าหนังเทียมพียูจะมีราคาสูงกว่าหนังเทียมพีวีซี และมีอายุการใช้งานที่จะเสื่อมและย่อยสลายไปได้เอง แต่ทุกๆ คนยังพอใจในคุณภาพและเลือกใช้หนังพียูในสินค้าหลายประเภทที่มีอยู่ เนื่องจากการรณรงค์ต่อต้านมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและต่อต้านการฆ่าสัตว์ ทำให้ความต้องการของหนังพียูมีมากขึ้น
หนังเทียมพียูถูกผลิตขึ้นมาเพื่อให้เลียนแบบหนังแท้มากที่สุด โดยตัวหนังจะประกอบไปด้วย 3 ชั้นของวัสดุ คือ ชั้นผิวด้านนอกที่มีผิวเป็นเงามัน ชั้นกลางเป็นวัสดุกลุ่ม Foam และชั้นด้านล่างสุดเป็นผ้าซึ่งมักมีลักษณะเป็นขน
ข้อดีของหนังเทียม
คุณสมบัติของหนังพียู คือ จะมีผิวที่นุ่มสวยและมีสัมผัสรอยย่นใกล้เคียงหนังแท้มากที่สุด เมื่อเทียบกับหนังเทียมชนิดอื่นๆ ความนุ่มของหนังพียูแล้ว บางรุ่นอาจนุ่มกว่าหนังแท้มีความยืดหยุ่นดี ทำให้การผลิตงานโซฟาที่ต้องเข้าโค้งตามแบบโซฟา ทำออกมาได้สวยกว่าหนังเทียมชนิดอื่นๆ หนังเทียมพียูสามารถทำออกมาได้หลายสีหลายลาย ต่างจากหนังแท้ที่มีข้อจำกัดเรื่องสีและมีข้อดีเรื่องของการทำความสะอาดที่สามารถใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหมาดๆ ได้เลย
ข้อเสียของหนังเทียม
เหมือนกับหนังเทียมทั่วไป ก็คือตัวหนังที่เป็นผืนจะไม่มีรูระบายอากาศทำให้การระบายความร้อนไม่ดีนัก หนังเทียมพียูส่วนใหญ่จะไม่ทนต่อความร้อนความชื้นสูงๆ และการเสียดสี ทำให้มีแนวโน้มที่หนังจะถลอกและเป็นรอยได้ง่าย หนังพียูบางตัวจึงทำวัสดุเคลือบผิวให้ผิวมีความทนต่อการเสียดสีมากขึ้น
การดูแลรักษาโซฟาหนังพียู PU
ควรจัดวางโซฟาหนังเทียมพียูไว้ในห้องที่ถ่ายเทอากาศได้ดีไม่มีความชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อราและไม่ควรอยู่ในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง หมั่นตบเบาะที่นั่งและพนักพิงและเปลี่ยนตำแหน่งวางสลับกลับด้านทุกสัปดาห์
เพื่อให้วัสดุภายในกระจายตัวช่วยรักษารูปทรงของโซฟา ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำมันสน ผงซักฟอก ทินเนอร์ หรือน้ำยาที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ เพราะอาจเกิดรอยด่างได้ง่ายเพียงปัดฝุ่นดูดฝุ่นตามซอกโซฟา หรือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดให้แห้งสนิทเช็ดทำความสะอาดแล้วเป่าลมจนแห้ง หากเกิดรอยเปื้อนเช็ดออกยาก เช่น รอยปากกาหรือคราบกาแฟ สามารถใช้น้ำสบู่เจือจาง หรือครีมทำความสะอาดหนังเทียมทั่วไป